..

          บีทรูท  หัวผักกาดที่อยู่ใต้ดินชนิดหนึ่ง มีทรงกลมป้อม เปลือกดำ เนื้อสีแดงเลือดหมู หรือม่วงแดง เมื่อปอกสีจะติดมือ เป็นผักเมืองหนาว  ต้นกำเนิดอยู่ในแถบเมดิเตอร์เรเนียน มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Betavalgaris  ปัจจุบันนี้บีทรูทสามารถปลูกได้ในแถบภาคเหนือของไทย

          บีทรูทนิยมใส่ในสลัดต่างๆ โดยเฉพาะสลัดผักสุกหรือนำไปดองสามรสไว้รับประทานคู่กับอาหารจานหลัก เช่น สเต็ก  พาสต้า  นอกจากนั้นยังนิยมนำไปคั้นเป็นเครื่องดื่มสุขภาพสีม่วง

          ในบีทรูท 2 หัวขนาดกลาง มีสารอาหารหลายชนิดคือ แคลเซียม 14 มิลลิกรัม  ฟอสฟอรัส 23 มิลลิกรัม โซเดียม 43 มิลลิกรัม โปแตสเซียม 208 มิลลิกรัม  เหล็ก 0.5 มิลลิกรัม  วิตามินเอ 20 I.U.  และวิตมินบีรวม

          สารสีแดงในหัวบีทรูท คือ เบทานิน (betanin) เป็นกรดอะมิโนที่มีสรรพคุณยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอกและมะเร็ง  น้ำบีทรูทจึงมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในฐานะรักษามะเร็ง  นอกจากนั้นยังช่วยทำให้เลือดลมดี และการไหลเวียนของโลหิตไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ดีขึ้น

          บีทรูทหาซื้อได้ในซูเปอร์มาร์เก็ต และในตลาดสดบางแห่ง สนนราคาขึ้นลงตามฤดูกาล ราคาโดยเฉลี่ยกิโลกรัมละ 70 บาท  ให้เลือกซื้อบีทรูทสดๆ ผิวไม่เหี่ยว จับดูเนื้อไม่นิ่ม

          วิธีการทำน้ำบีทรูท ขั้นแรกต้องนำบีทรูทมาล้างให้สะอาดก่อน แล้วจึงปอกเปลือกและล้างด้วยน้ำเกลือเจือจาง จะทำให้สีของบีทรูทไม่ตกมาก   น้ำบีทรูทมีกลิ่นแรง ทั้งไม่มีรสหวาน ผู้ที่เริ่มดื่มครั้งแรกจะไม่ชอบรสชาตินัก  ดังนั้นจึงควรผสมด้วยน้ำผลไม้ที่มีรสหวานหรือรสเปรี้ยวลงไป เช่น น้ำสับปะรด  น้ำเสาวรส  น้ำส้ม  น้ำมะนาว เป็นต้น  เมื่อเริ่มคุ้นเคยจึงดื่มแบบไม่ต้องผสม  ควรแช่บีทรูทให้เย็นก่อนนำไปคั้น จะได้ดื่มเย็นๆ เลย โดยไม่ต้องทิ้งค้างให้เสียคุณค่าอาหาร

น้ำบีทรูท

วิธีทำ   ล้างบีทรูท 5-6 หัว ปอกเปลือก ผ่าครึ่งลูก คั้นด้วยเครื่องแยกกาก แยกน้ำ รินใส่แก้ว ดื่มทันที

น้ำบีทรูทผสม

วิธีทำ   ล้างบีทรูท 5 หัว ปอกเปลือก ผ่าครึ่งลูก คั้นด้วยเครื่องแยกกาก แยกน้ำ รินใส่แก้ว  สับปะรดหั่นชิ้น 1 ถ้วย คั้นด้วยเครื่องแยกกาก แยกน้ำรินใส่แก้ว เทน้ำบีทรูท น้ำสับปะรดใส่น้ำแข็งบดเล็กน้อยลงในโถปั่น ปั่นด้วยความเร็วต่ำ รินใส่แก้วดื่มทันที