อร่อยกับอาหารแคลเซียม
ทางเลือกของคนไม่ดื่มนมอันเนื่องมาจากไม่ชอบกลิ่นคาว หรือกินแล้วเกิดอาการท้องเสีย เพราะไม่มีน้ำย่อย สำหรับย่อยน้ำตาลแลคโตสในนม ด้วยเหตุนี้จึงเกิดความกังวลว่าร่างกายจะขาดแคลเซียมและฟอสฟอรัส ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญที่มีอยู่ในนม แล้วผลต่อมาก็คือ ทำให้เกิดโรคกระดูกผุได้ แต่ยังมีอาหารอื่นๆ ที่มีแคลเซียม ฟอสฟอรัส ซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่ต้องการแคลเซียมแล้วไม่ชอบดื่มนม อาหารที่ว่านี้ก็อย่างเช่น ถั่วเมล็ดแห้งทุกชนิด โดยเฉพาะถั่วเหลือง ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง กุ้งแห้ง กะปิ ปลาตัวเล็กตัวน้อย พวกปลาไส้ตัน ปลาแก้ว ซึ่งอาจนำมาทำเป็นปลาป่นใส่ในแกงเลียง แกงส้ม และน้ำพริก และแม้แต่สัตว์ท้องถิ่นอย่างอึ่ง เขียด ตั๊กแตน นกตัวเล็กทอดกรอบก็มีแคลเซียมและฟอสฟอรัสไม่เพียงแต่เนื้อสัตว์และถั่วเมล็ดแห้งเท่านั้น ผักพื้นบ้านสีเขียวเข้มราคาถูกนั้นก็มีให้เลือกทำอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่นใบชะพลู ที่นำมาห่อเป็นเมี่ยงคำ ทำแกงไข่ปลา หรืออาหารใต้อย่างแกงหอยแครงใบชะพลู นอกจากนี้ก็ยังมียอดแคที่เอามาต้มจิ้มน้ำพริก ยอดสะเดาลวกกินกับน้ำปลาหวาน ปลาดุกย่าง ผักตำลึงมาผัดกับเห็ดนางรม ทำแกงจืด แกงเลียง ต้มจิ้มน้ำพริก คูนทำแกงส้ม กินกับส้มตำ ส่วนผักที่ไม่ใช่ผักพื้นบ้านที่มีแคลเซียมสูงเช่น ผักกระเฉดทำเป็นยำ แกงส้มแป๊ะซะ ผักกวางตุ้งผัดหรือแกงส้มก็อร่อย บร็อคโคลี่นำมาผัดกับกุ้ง ก็ล้วนแล้วแต่อร่อยแทบทั้งนั้น
แคลเซียมเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายตลอดชีวิต ในวัยผู้ใหญ่ต้องการแคลเซียมวันละ 800 มิลลิกรัม ส่วนหญิงมีครรภ์ หญิงให้นมบุตรจำเป็นต้องกินอาหารที่มีแคลเซียมมากถึงวันละ 1,200 มิลลิกรัม เพื่อสร้างกระดูกให้กับทารกและสำหรับผลิตน้ำนม ถ้าแม่ได้แคลเซียมไม่เพียงพอ ลูกในครรภ์จะดึงเอาแคลเซียมจากแม่มาใช้ ทำให้ปริมาณแคลเซียมในกระดูกของแม่ลดลง การที่ร่างกายจะดูดซึมแคลเซียมได้ดีนั้นมีปัจจัยหลายอย่าง เช่น ต้องปรุงอาหารให้มีไขมันต่ำ เพราะถ้าไขมันมากจะเป็นตัวขัดขวางการดูดซึมของแคลเซียม หรืองดเว้นผักที่มีกรดออกซาลิก เช่น พวกหน่อไม้ ผักแพ้ว และไม่ควรกินอาหารประเภทเนื้อสัตว์มากเกินไป
เครื่องปรุง
หอยแครง 1 กิโลกรัม มะพร้าวขูด 500 กรัม ใบชะพลูฉีก 200 กรัม เครื่องแกง
ขมิ้นหั่นท่อนยาว 1/2 นิ้ว 1 ชิ้น ตะไคร้ซอย 2 ต้น พริกขี้หนูสด 20-30 เม็ด กระเทียมปอกเปลือก 1/2 หัว หอมแดงปอกเปลือก 2 หัว ข่าหั่นละเอียด 2 แว่น เกลือป่น 1-2 ช้อนชา กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ โขลกเครื่องแกงทั้งหมดรวมกันให้ละเอียด
วิธีทำ
1. ล้างหอยแครงให้สะอาด แช่น้ำทิ้งไว้ให้หอยคายดินออกให้หมด นำไปลวกพอสุก แกะเอาแต่เนื้อ
2. คั้นมะพร้าวให้ได้หัวกะทิ 3/4 ถ้วย หางกะทิ 1 1/2 ถ้วย
3. เอาหางกะทิตั้งไฟ ใส่เครื่องแกงที่โขลก พอหางกะทิกับเครื่องแกงเข้ากันดีแล้วใส่หอยแครง
4. เดือดอีกครั้งใส่ใบชะพลู ต้มพอใบชะพลูสุก ใส่หัวกะทิ คนให้เข้ากัน ยกลง
เครื่องปรุง
ผักกระเฉด 500 กรัม เนื้อหมูต้มสุกหั่นชิ้นเล็ก 1/2 ถ้วย เนื้อกุ้งต้มหั่นชิ้นเล็ก 1/2 ถ้วย หัวกะทิ 1/4 ถ้วย ถั่วลิสงคั่วโขลกหยาบ 1/4 ถ้วย กระเทียมเจียว 1/4 ถ้วย หอมแดงเจียว 1/4 ถ้วย เครื่องปรุงน้ำยำ
พริกแห้งเผาโขลกละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ กระเทียมเผาโขลกละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลปีบ 3 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ ผสมเครื่องปรุงทั้งหมดเข้าด้วยกัน
วิธีทำ
1. เลือกผักกระเฉดตรงยอดและก้านอ่อนๆ ลอกนมสีขาวและรากออก ล้างให้สะอาด หักเป็นท่อนสั้น
2. ต้มน้ำให้เดือด ใส่เกลือเล็กน้อย ใส่ผักกระเฉดลงลวก ตักขึ้นแช่น้ำเย็นทันที สงขึ้นให้สะเด็ดน้ำ
3. ใส่ผักกระเฉดลงในอ่างผสม ใส่เนื้อหมู กุ้ง หัวกะทิ ถั่วลิสง หอมแดงเจียว 2 ช้อนโต๊ะ ราดด้วยน้ำยำ เคล้าเบาๆ ให้เข้ากัน
4. ตักใส่จาน โรยด้วยหอมแดงเจียว และกระเทียมเจียวที่เหลือ เสิร์ฟ
เครื่องปรุง
พริกขี้หนูแดง 15 เม็ด กุ้งแห้ง 1/4 ถ้วย เนื้อและผิวส้มซ่าหั่นชิ้นเล็ก 1 ช้อนโต๊ะ กระเทียมซอยบาง 2 ช้อนโต๊ะ เม็ดพริกไทยอ่อน 2 ช้อนโต๊ะ กะปิดี 1/4 ถ้วย น้ำตาลปีบ 2 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ น้ำส้มซ่า 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว 1/4 ถ้วย วิธีทำ
1. ห่อกะปิด้วยใบตอง ปิ้งไฟให้หอม
2. กุ้งแห้งผ่าครึ่ง แล้วหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม
3. ผสมน้ำส้มซ่า น้ำมะนาว น้ำปลา น้ำตาลเข้าด้วยกัน
4. ผสมกะปิ กระเทียม กุ้งแห้ง กับน้ำปรุงรสในข้อ 3 คนให้เข้ากัน ใส่เนื้อและผิวส้มซ่า เม็ดพริกไทยอ่อน พริกขี้หนูบุบ
5. ชิมรส รับประทานกับผักสดอย่างยอดกระถินหรือผักต้ม และปลาทอดกรอบ