สุขภาพสวยด้วยธรรมชาติ            

อาหารที่ทำให้ผมสวย

            - ตับ  ทุกชนิด  บำรุงโลหิตซึ่งเป็นอาหารช่วยหล่อเลี้ยงเส้นผม ถ้าโลหิตไปเลี้ยงเส้นผมพอ ผมก็จะดำเป็นมันสวย
          -  งาดำ  บดให้ละเอียด ผสมอาหารรับประทานช่วยให้ผมดำ
          -  ปลาเล็กปลาน้อย ทอดกรอบรับประทานได้ทั้งตัว จะให้แคลอรี่และแร่ธาตุกับเส้นผม
          -  ลำไยแห้ง  มีแร่เหล็ก บำรุงโลหิต ป้องกันผมหงอกขาวและผมร่วง
          -  ผักบ๊อกคอลี่  เป็นผักสีเขียว บำรุงโลหิต มีประโยชน์ต่อเส้นผม
          -  ฟักทอง  อุดมไปด้วยวิตามิน ให้รสหวานตามธรรมชาติ มีพิกเมนต์ของสีที่ช่วยให้ผมดำ
          -  ข้าวซ้อมมือ  มีประโยชน์สำหรับเส้นผม ถ้ารับประทานประจำจะช่วยบำรุงเส้นผมได้ดีมาก

สิ่งที่ไม่มีคุณประโยชน์กับเส้นผม

          -  ช็อกโกแลต  พิซซ่า  กาแฟ  ทำให้ร่างกายไม่แข็งแรง สร้างโลหิตน้อยกว่าปกติไม่เพียงพอส่งไปเลี้ยงเส้นผม
          -  เค้ก  ที่มีรสหวานจัด รับประทานมากจนไม่อยากรับประทานข้าว ทำให้ร่างกายไม่ได้รับสารอาหารอย่างอื่นที่จำเป็นจะทำให้เส้นผมเสีย
          -  นมบูด  มีไขมันปนอยู่มาก ถ้าดื่มนมบูดทำให้เกิดไขมันส่วนเกิน หนังศีรษะจะเป็นมัน ทำให้ผมร่วง
          -  แกงเผ็ด  มีเครื่องเทศ รสเผ็ดร้อนและมีน้ำมัน จะให้โทษต่อเส้นผม
          -  ไอศครีม  รับประทานมาก ทำให้โลหิตหมุนเวียนไม่สะดวก เพราะความเย็นของไอศกรีมไปลดอุณหภูมิของร่างกาย ทำให้โลหิตไปเลี้ยงเส้นผมไม่เพียงพอ

เสริมสวยจากธรรมชาติ

คลิ๊กเพื่อขยาย          -  ผลไม้สดตามฤดูกาล เช่น แตงโม  มะม่วง  มะละกอ  ถ้านำเอาเนื้อมาใส่โถปั่น ปั่นให้ละเอียด ใช้ลูบไล้ตามผิวหน้าจะทำให้ผิวชุ่มชื่นและเต่งตึงขึ้น มีประสิทธิภาพเช่นเดียวกับโลชั่นสมานผิว
          -  สตรอเบอรี่สด  5 ผล  ไข่ไก่ 2 ฟอง  น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ  น้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ  กลีเซอรีน 1 ช้อนโต๊ะ  ใส่โถปั่น ใช้นวดผมหลังจากสระแล้ว ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างออก จะช่วยให้ผมที่แห้งเพราะแดดลมกลับนุ่มเป็นเงางาม  ช่วยป้องกันการสูญเสียน้ำมันหล่อเลี้ยงเส้นผม และมีกลิ่นหอมด้วย
          -  ลิ้นจี่ 10 ผล ปอกเปลือก คว้านเมล็ดออก เอาเนื้อลิ้นจี่ใส่โถปั่น คั้นเอาน้ำ เติมเกลือ น้ำเชื่อม ใส่น้ำแข็งทุบก้อนเล็กๆ หรือจะใส่ถ้วยแก้วเก็บไว้ในตู้เย็น  ส่วนกากเนื้อลิ้นจี่ที่ได้จากการปั่น กรองเอาน้ำออกแล้วปั้นนำมาพอกหน้า สัปดาห์ละ 2 ครั้ง จะรู้สึกทันทีเลยว่า ผิวหน้าตึง และเปล่งปลั่งขึ้น
          -  เมล็ดแตงหอม,  เมล็ดฟักทอง,  บวบ,  แตงกวา  ตากแห้งใส่เครื่องปั่นเป็นผง ผสมน้ำพอเหลว พอกหน้าแทนยาพอกหน้า ผิวหน้าจะนุ่มเนียนและละไม
          -  น้ำคั้นจาก แตงหอมแคนตาลู้ป  ล้างหน้า ผิวหน้าจะสะอาด แทนโลชั่นบำรุงผิว เหมาะสำหรับคนผิวแห้ง
          -  น้ำคั้นจาก แตงหอมแคนตาลู้ป ผสม น้ำผึ้ง  ทาผิวหน้า จะช่วยลอกหนังกำพร้าที่แห้งเป็นขุย ถ้าผสมกับ น้ำอัลมอนด์ เล็กน้อย ใช้ลอกหน้าได้เช่นเดียวกับน้ำยาลอกหน้า

          ผลไม้  นอกจากรับประทานอร่อย มีประโยชน์ต่อร่างกายเพราะมีสารอาหารและวิตามิน นอกจากนี้ยังนำมาช่วยเสริมสวยได้ด้วย สำหรับผู้นิยมการทดลองเสริมความงามด้วยตนเอง มีผลไม้มากเหลือเกิน จะใช้ทดลองดังนี้

คลิ๊กเพื่อขยาย          -  นำเอา เปลือกแตงโม มาใส่เครื่องปั่น กรองเอาแต่น้ำ  ใช้ล้างหน้า แล้วปล่อยทิ้งไว้ 15 นาที จึงล้างออก  ลดความมันบนผิวหน้า มีคุณค่าเทียบได้กับแอสตริงเจ้น
          -  ตัก เนื้อแตงโม เป็นชิ้นๆ วางบนใบหน้าขณะนอนพัก  ทิ้งไว้ประมาณ 15 ถึง 20 นาที  จะช่วยให้ผิวนุ่ม รู้สึกผิวหน้าสดชื่นขึ้น
          คลิ๊กเพื่อขยาย-  นำ เนื้อแตงโม  แตงกวา  เนื้อฟักทอง  อย่างละประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ เข้าเครื่องปั่นรวมกัน  ใช้พอกหน้า ทิ้งไว้ 10-15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด  ทำให้ผิวสะอาด เหมาะสำหรับคนผิวหน้าแห้ง
          -  คลิ๊กเพื่อขยายใช้ เนื้อแตงโม 2 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำผึ้ง 1-2 หยด และน้ำมันพืช 3-4 หยด  ผสมให้เข้ากัน ใช้ทาผิวและลำคอ นวดให้ทั่วจนรู้สึกว่าส่วนผสมนี้ซึมเข้าในผิวหนัง แล้วล้างอก ช่วยลอกผิวที่แห้งแตกเป็นขุยให้หลุดออก
คลิ๊กเพื่อขยาย          -  นำเอา สตรอเบอรี่  มาใส่ชาม ตีด้วยส้อมให้เละ นำมาพอหน้าให้ทั่ว แล้วนอนพักสัก 15 นาที  สารที่มีประโยชน์จะซึมเข้าสู่ใต้ผิวหนัง ช่วยให้หน้าหายมัน เหมาะกับคนที่เป็นสิว ฝ้า หน้าตกกระ เพราะในเนื้อสตรอเบอรี่มีสารบางชนิดที่ช่วยทำให้ผิวหน้าตึงเต่งขาวสดใส ทำให้ผิวหน้ามีเลือดฝาดสมบูรณ์
          -  ทำครีมทาหน้าจาก สตรอเบอรี่ ใช้น้ำมันลาโนลิน (ซื้อที่ร้านขายยา) 1 ส่วน  น้ำมันมะกอก หรือ น้ำมันพืช 3 ส่วน  น้ำคั้นจากสตรอเบอรี่ 2 ส่วน ใส่ในหม้อ 2 ชั้น เฉพาะลาโนลินกับน้ำมัน พอละลายยกออกมาทิ้งไว้ให้เย็น แล้วจึงค่อยๆ ผสมสตรอเบอรี่ลงไปทีละน้อย ตีด้วยส้อมแรงๆ ให้เข้าเป็นเนื้อเดียว ถ้าทำใช้เพียง 5-6 วัน ก็เก็บไว้ในตู้เย็นใช้จนหมด  ถ้าต้องการเก็บไว้ใช้นานๆ เหมือนครีมบำรุงผิวจากกระปุก  ให้ผสมน้ำมันวีทเจิร์ม (ซื้อที่ร้านขายยา) 1 ส่วน ในส่วนผสมเดิม 10 ส่วน เติมวิตามินอี เทออกจาแคปซูล 4 เม็ด เก็บไว้ใช้ได้นาน
          -  ผิวแห้งหยาบ แตก เป็นริ้วรอย ริมขอบตามีรอยตีนกา มีสิวฝ้าบริเวณใบหน้า สามารถใช้ เนื้อมะม่วงสุก  ยีจนเละ  พอกหน้าเว้นบริเวณรอบดวงตา ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที  น้ำมะม่วงที่เหลือที่เหลือให้นำมาทาข้อศอก ลำคอ หลังมือ แล้วจึงอาบน้ำชำระล้างให้สะอาด ผิวจะนุ่มนวลจนผิดสังเกต
          -  ส้มเขียวหวาน 1 ผล  แตงกวา 1 ผล  คั้นเอาแต่น้ำ  น้ำกุหลาบ 3 ช้อนหวาน  แอลกอฮอล์ 2 ช้อนหวาน  เขย่าให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเดียวกัน ทาให้ทั่วผิวหน้า แล้วใช้กระดาษทิชชูเช็ดออก เก็บไว้ในตู้เย็นใช้จนกว่าจะหมด จะช่วยการไหลเวียนของโลหิต ทำให้ผิวหนังเต่งตึงสะอาด
          -  นำเอา แตงกวา 3 ลูก  หั่นแล้วใส่โถ ปั่นจนเละ คั้นเอาแต่น้ำทา  บำรุงผิวอย่างดี

          เสริมสวยจากธรรมชาติ มีวิธีการที่ใช้ของใช้ของกินมาบำรุงบำเรอโฉม ซึ่งเชื่อกันว่าจะสามารถให้ผลได้ และทำเองได้หลายชนิดด้วยกัน ตัวอย่างดังนี้

          -  ใช้ นมเปรี้ยว  ทำให้ทั่วใบหน้าและลำคอ ทิ้งไว้ครึ่งชั่วโมง แล้วล้างด้วยน้ำอุ่น จะทำให้ผิวหน้านุ่มเนียนละมุน
          -  โยเกิร์ต 1 ช้อนโต๊ะ  นมเปรี้ยว 1 ช้อนโต๊ะ  น้ำนมสด 1 ช้อนโต๊ะ  น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ใส่แก้วคนให้เข้ากัน แล้วนำมาพอกหน้า ทิ้วไว้ให้แห้ง แล้วล้างออก ผิวจะเต่งตึง และช่วยแก้ปัญหาสิวบนใบหน้า
          -  ข้าวโอ๊ต 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ  นมสด 1 ช้อนโต๊ะ  คนให้เข้ากัน นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ 20 นาที ล้างออกด้วยน้ำเย็นจะทำให้ผิวหน้าสดชื่น
          -  ขี้ผึ้ง 2 ส่วน  กลีเซอรีน 2 ส่วน  น้ำกุหลาบ 1 ส่วน  ผสมกันแล้วใส่ภาชนะที่มีฝาปิด เก็บไว้ในตู้เย็น ใช้ทาผิวหน้าและลำคอ ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น ช่วยลบรอยย่นบนใบหน้า ช่วยให้ผิวหน้าสวยตามธรรมชาติ และช่วยไม่ให้ผิวหน้าแห้ง
          -  ใช้แปรงขนตาจุ่มน้ำละหุ่ง ปัดขนตาเสมอ แล้วทาขนตาด้วยลาโนลิน หรือน้ำมันที่ทำจากไขสัตว์ จะช่วยให้ขนตายาว
          -  ทำครีมพอกหน้าด้วยสตรอเบอรี่  น้ำคั้นจากสตรอเบอรี่สด 2 ส่วน   น้ำมันลาโนลิน 1 ส่วน  น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันพืช 3 ส่วน  ใส่ในหม้อ 2 ชั้น (หม้อตุ๋น) ตั้งไฟให้เดือด พอลาโนลินกับน้ำมันละลาย ยกออกทิ้งไว้ให้เย็น ค่อยๆ ผสมน้ำสตรอเบอรี่ลงไปทีละน้อยๆ ตีแรงๆ ให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว  ถ้าต้องการเก็บไว้นาน ผสมน้ำยาวีทเจิร์ม 1 ส่วนในส่วนผสมที่ทำ 10 ส่วน เติมวิตามินอีที่เทออกจากแคปซูล 4 แคปซูล เพื่อช่วยบำรุงผิว ใช้พอกหน้าทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างด้วยน้ำสะอาดจะช่วยให้ผิวหน้านุ่มนวล
          -  ใช้แตงกวาฝานบางๆ ปิดลงบนเปลือกตา ใต้ขอบตา หลับตาประมาณ 2-3 นาที จะช่วยให้บริเวณดวงตาสดชื่นขึ้น
          -  ผมจะสวยดกดำ ถ้าบำรุงด้วยไข่แดงผสมน้ำมันมะกอก ละเลงให้ทั่วศีรษะ แล้วสระผมให้สะอาด
          -  ใช้น้ำมันมะกรูดสระผม จะช่วยป้องกันผมร่วง ผ่ามะกรูดซึ่งอังไฟให้ร้อน แล้วใช้น้ำมะกรูดนวดศีรษะ ทิ้งไว้สักครู่ แล้วจึงล้างออก
          -  ใช้ผ้าขนหนูเนื้อนุ่ม จุ่มน้ำอุ่น บิดพอหมาด วางทาบลงบนใบหน้าเพื่อเปิดรูขุมขน  นำน้ำมะนาว 1 ช้อนชา  นมเปรี้ยว 1/2 ถ้วยตวง  น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ  ผสมกัน ทาหน้า ตั้งแต่หน้าผากลงมาจึนถึงจมูกเป็นรูปตัวที และบริเวณที่มีความมันมากๆ ทิ้งไว้ประมาณ 1 นาที แล้วล้างด้วยน้ำอุ่น ต่อจากนั้นก็ใช้น้ำเย็นล้างออก เพื่อเป็นการปิดรูขุมขน
          -  ผู้ที่มีผิวหน้าแห้ง ให้ใช้กล้วยสุก 1 ผล ตีจนเละ ใช้พอกหน้า 10 นาที แล้วล้างให้สะอาด จะทำให้ผิวหน้านุ่มนวลขึ้น
          -  กล้วยสุกที่ยีจนเละ ผสมน้ำมันมะกอกหรือน้ำมันถั่ว พอเหลว ใช้ทาผิว  คุณภาพเป็นครีมบำรุงผิว แล้วอาบน้ำ ล้างให้สะอาด

การดูแลผิว

          สุขภาพกายที่ดี มาจากสุขภาพจิตที่สมบูรณ์ เมื่อมีเรื่องคิดจนหนักสมอง จะเกิดอาการปวดศีรษะ เป็นโรคปวดเมื่อย มีโรคภัยไข้เจ็บตามมา ร่างกายทรุดโทรม เป็นสาเหตุทำให้ผิวพรรณไม่สดใสเท่าที่ควร ถ้าต้องการให้ผิดสวย ต้องรักษาสุขภาพกายและสุขภาพใจให้ดีด้วย

          ผิวสวยก็คือ ผิวสะอาด ทำความสะอาดอย่างถูกวิธี จะช่วยกำจัดเซลส์ที่ตายแล้วของผิวออกไปได้ดีที่สุด  จะทำให้ผิวดูสดสวยผ่องใส เพราะเซลส์แห้งจะเกาะสะสมกันจนปิดรูขุมขน ทำให้ต่อมไขมันสกปรก ถ้ารักษาอย่างถูกต้องจะช่วยความชุ่มชื่นภายใต้ผิวหนังให้คงอยู่ต่อไป

          -  รับประทานวิตามินซีเป็นประจำ จะช่วยให้ผิวผุดผาดและสุขภาพผิวดีขึ้น ช่วยให้หายเหนื่อยล้าเมื่อเลิกจากงาน  วิตามินซีได้จากผักสด  ผลไม้สด  ดื่มน้ำต้มสุกที่สะอาดวันละมากๆ  งดขนมหวาน  หายใจเอากาศบริสุทธิ์  รับประทานอาหารที่มีคุณค่า ออกกำลังกายพอควร ฝึกจิตใจให้แจ่มใส่ชื่นบาน  คิดถึงเรื่องที่ดีและสดชื่น จะช่วยให้ห่างไกลโรคภัยไข้เจ็บ ผิวพรรณจะสดใสชวนมอง
          -  คนที่มีผิวแห้งมาก ควรใช้สบู่ชนิดที่ช่วยทำความสะอาดผิวหนังมากกว่าสบู่ที่เกิดฟอง เพื่อรักษาปริมาณน้ำมันในผิวไม่ให้สูญเสีย
          -  อย่าอาบแดดจัดๆ แม้แสงแดดจะมีประโยชน์ กระตุ้นและบำรุงผิวตามธรรมชาติ แต่ต้องไม่ใช่แสงแดดร้อนแรง และไม่อยู่ในแดดนานๆ  แสงแดดทำหน้าที่ผ่อนคลายกล้ามเนื้อได้ด้วย  ทำให้วงจรโลหิตหมุนเวียนสะดวก จิตใจร่าเริงขึ้น และยังเป็นยาอ่อนๆ แก้โรคบางโรค  เช่น สิว  โรคหืดหอบ  โรคปวดเมื่อย  ทำให้ผิวหน้าสดชื่นมีชีวิตชีวาขึ้น แต่รังสีอุลตร้าไวโอเล็ตในแสงแดดทำให้ผิวดูแก่เร็ว ผิวบ่มแดดแห้งมากเกินไปก็ไม่ดี
          -  การล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น  ใช้สบู่ไม่ดีพอ  เช็ดหน้าแรงๆ ด้วยผ้าหยาบๆ  ล้างหน้าบ่อยเกินไป  อยู่ในห้องแอร์ หรือห้องที่ร้อนจัด  ทำให้ชั้นบนของผิวถูกทำลาย ซึ่งผิวชั้นบนนั้นมีน้ำมันธรรมชาติช่วยปกป้องไม่ให้ความแห้งกร้านมาเยือนเร็วเกินไป หากผิวชั้นบนเสียริ้วรอยก็จะเกิดขึ้นมาก และแก้ไขยากยิ่ง
          -  คนหน้ามัน  ควรทำความสะอาดใบหน้าและลำคอบ่อย ๆ ล้างหน้าอย่างสะอาด  เพื่อมิให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมาสะสมตามรูขุมขนมาก และนานเกินไป
          -  คนที่นอนหลับไม่พอกับความต้องการของร่างกาย หรือเป็นโรคนอนไม่หลับ หน้าตาจะหม่นหมอง มีรอยถุงเล็ก ๆ เกิดขึ้นบริเวณใต้ขอบตาเป็นสีคล้ำ เหมือนกับขอบตาบวม หน้าตาอิดโรย ซูบซีด ประสาทจะถูกบีบกดมาก ๆ ทำให้จิตใจขุ่นมัว ไม่แจ่มใส หงุดหงิด ซึ่งจะกลายเป็นริ้วรอยถาวร ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ผิวไม่สวยอีกด้วย

การดูแลเส้นผม

          -  อย่าใช้ครีมนวดผมทิ้งไว้นานเกิน 5 นาที  เมื่อนวดผมจนทั่งศีรษะแล้ว ให้ล้างด้วยน้ำสะอาดจนหมด ถ้าล้างไม่สะอาดจะทำลายเส้นผมโดยไม่ตั้งใจ เวลานวดผมไม่ควรเกาไปถึงหนังศีรษะ เพราะจะทำให้หนังศีรษะอักเสบ
          -  อาหารที่ช่วยให้เส้นผมดกดำ ..... ผักสีเขียว มีวิตามิน บี1 บี2 ธาตุเหล็กมีมากในเนื้อสัตว์ มันฝรั่ง ถั่วต่าง ๆ สารอาหารคาร์โบไฮเดรท โปรตีน พยายามรับประทานเป็นประจำ และที่สำคัญคือ ดื่มน้ำให้มาก ๆ
          -  ควรเลือกแปรงที่มีขนอ่อนหวีผม อย่าใช้แปรงแข็งเกินไป จะทำให้เป็นแผลบนศีรษะได้ ขนแปรงที่อ่อนนุ่มจะช่วยให้เส้นผมนุ่มนวลแนบศีรษะได้ดีกว่า
          -  ถ้ารู้สึกเบื่อหน้าตัวเอง ควรปรึกษาช่างที่ชำนาญ.....ย้ำ..ที่ชำนาญนะครับ ตัดผมสั้นสักครั้งจะรู้สึกหน้าตาสวยขึ้น เนื้อตัวเบาขึ้นแยะ และทำให้รู้สึกกระฉับกระเฉง
          -  ทุก 3 เดือนควรย้อมผมใหม่ จะต้องเลือกยาย้อมผมอย่างดี จะช่วยบำรุงเส้นผมมากกว่าทำลายเส้นผม
          -  ผมที่เป็นเส้นบาง ร่วงง่าย ไม่ควรไว้ผมยาวเกินต้นคอ ไม่ควรซอยสั้น หมั่นเล็มให้สั้นทีละน้อย ถ้าผมเป็นคลื่น ควรซอยผมดีกว่าตัดตรง
          -  ใบหน้าเล็ก ไม่ควรไว้ผมปรกหน้า ทำลอนใหญ่ เพื่อให้ใบหน้านุ่มนวลเยาว์วัยขึ้น อย่าไว้ผมสั้นเหยียดตรงจะทำให้มองดูใบหน้าเล็ก คนที่ผมพองออก ต้องตัดผมบ่อยกว่าคนที่มีผมเหยียดตรง
          -  ควรหวีผมจากโคนผม มาหาปลายผม อย่าเริ่มช่วงกลางผมหรือหวีแต่ปลายผม
          -  เวลาเลือกผม ต้องคำนึงถึงบุคลิกลักษณะ ทรงผมที่ดีช่วยส่งเสริมให้บุคลิกดีขึ้น ควรทดลองเปลี่ยน โดยดูหน้ากระจกเองก่อนว่าควรแสกผม ตลบผมขึ้น หรือหวีเปิดหน้าผาก ทดลองดูให้รับกับใบหน้า

เครื่องสำอาง

          -  แปรงปัดหน้าที่ดีจะต้องมีขนนุ่มเนียน ปลายขนไม่ระคายผิวให้รำคาญ ขนาดของแปรงจะต้องพอเหมาะ ถ้าเป็นแปรงที่ใช้กับแป้ง จะใหญ่และนุ่ม ถ้าเป็นแปรงใช้เขียนเส้นขอบตา (Eyeliner) จะเรียวเล็กและแข็งกว่าแปรงใหญ่ จะต้องมีตัวด้ามยาวพอถือสะดวก แปรงปัดเปลือกตาที่ดีต้องใช้ระบายสีได้เนียนผิว อย่าเลือกซื้อชนิดที่ด้ามถือหนักเกินไป ขนแปรงจะต้องเรียงเสมอกัน เป็นระเบียบ ทดลองวางแปรงลงบนมือ ดูขนแปรงนิ่ม ด้ามแปรงได้ขนาดพอเพมาะมือ ควรทำความสะอาดขนแปรงด้วยแชมพู ล้างน้ำให้สะอาดแล้วสะบัดน้ำ ผึ่งให้แห้ง
          -  ควรเลือกแป้งผัดหน้าจากความสะดวกในการใช้ ทาง่าย สีสวย มีเนื้อแป้งเนียนละเอียด ไม่หยาบกระด้าง ทาติดทนนาน ไม่ทำให้คันหรือแพ้เป็นผดผื่น ล้างน้ำออกได้ง่าย หีบห่อหรือภาชนะบรรจุสวยงาม เหมาะมือในการหยิบถือ
          -  สีทาแก้ม ชนิดแห้งเป็นผงใช้เกลี่ยด้วยแปรง ไม่เหมาะสำหรับสตรีสูงอายุที่แก้มเริ่มเหี่ยว สีทาแก้มที่ผสมเจลและครีม ไม่เหมาะกับสาววัยรุ่นที่หน้ามันเป็นสิวง่าย
          -  ดินสอทาแก้ม ใช้สารประกอบต่าง ๆ ผสมเข้ากันเป็นแท่งเหมาะสำหรับสาววัยรุ่น เพราะยังไม่มีรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า ดินสอทาแก้มไม่นิยมในสตรีสูงอายุ การลากดินสอแรงเกินไปบนผิวหน้าอาจจะเพิ่มรอยเหี่ยวมากขึ้น

ทำเครื่องประทินโฉมใช้เอง

          -  ครีมนวดหน้า ล้างหน้าแล้วไม่ต้องเช็ด ใช้นิ้วแตะน้ำผึ้ง นวดหน้าเบา ๆ โดยใช้ปลายนิ้วแตะไปทางขึ้นของรูปหน้า นวดจากข้างล่างขึ้นข้างบน จากด้านนอก คือ จากขมับเข้ามาด้านใน แนวริมจมูก จากขากรรไกรเข้ามาหาแก้ม นวดลำคอจากไหปลาร้าขึ้นไปสู่แนวคาง ทิ้งไว้ 20-30 นาที แล้วล้างด้วยน้ำอุ่นให้สะอาด น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา ครีมนวดหน้า 2 ช้อนโต๊ะ ตีให้เข้ากัน แล้วใช้นวดหน้าดังกล่าวข้างต้น
          -  ครีมบำรุงผิวทำจากแตงกวาสด ขี้ผึ้งขาว 1 ช้อนชา เนยเทียม 1 ช้อนชา น้ำกลั่น น้ำมันมะพร้าว 1 1/2 ช้อนชา ลาโนลิน 1 ช้อนชา ผงบอริคแอซิด 1/2 ช้อนชา น้ำแตงกวาสด 4 ช้อนโต๊ะ ผสมขี้ผึ้งขาวกับเนย และน้ำมัน พร้อมทั้งลาโนลินลงในหม้อตุ๋นสองชั้น ละลายผงบอริคแอซิดในน้ำกลั่น ซึ่งต้มให้ร้อน ใส่น้ำแตงกวาลงทีละน้อย ตีแรง ๆ ตีตลอด เก็บเอาไว้ในกระปุกที่อบความร้อน ปิดฝา ใช้สำหรับนวดหน้า ใช้จนกว่าจะหมด แล้วนำขึ้นใช้ใหม่ จะทำให้ผิวหน้าชุ่มชื่นนุ่มนวลขึ้น
          -  ครีมแต่งผิวให้ขาว ใช้ไข่ดิบแยกเฉพาะไข่ขาวออกจากไข่แดง 1 ฟอง น้ำผึ้ง 2 ช้อนชา อัลมอนด์ออยล์ 4 หยด ตีไข่ขาวให้ขึ้นเป็นฟองฟู ผสมกับน้ำผึ้งแล้วผสมน้ำมัน ค่อย ๆ คนจนเข้ากัน เก็บไว้ในขวดที่ลวกน้ำร้อน แล้วเก็บเอาไว้ในตู้เย็น มีอายุใช้ได้ 2-3 วันเท่านั้นหลังจากผสม ฉนั้นควรทำทีละน้อย
          -  โคลด์ครีมอย่างง่าย ๆ ใช้น้ำมันอัลมอนด์ 400 กรัม (14 ออนซ์) ขี้ผึ้งขาว 150 กรัม (5 ออนซ์) น้ำกลั่น 1 ถ้วย น้ำส้มสายชู 2-3 หยด ผสมน้ำมันและขี้ผึ้งในหม้อตุ๋น 2 ชั้น แล้วใส่น้ำส้มสายชูลงทีละหยด ขณะเดียวกันก็ต้องตีแรง ๆ และเร็ว ๆ ให้เป็นครีมข้นสีขาว
          -  ทำครีมแก้สิวใช้เอง ใช้น้ำมันละหุ่ง 1 ช้อนโต๊ะ กลีเซอรีน 1 ช้อนโต๊ะ ลาโนลิน 1 ช้อนโต๊ะ ผสมในชามแก้วทนไฟ ตั้งในหม้อใส่น้ำครึ่งหนึ่งตั้งไฟจนน้ำร้อน ให้ส่วนผสมละลายเข้าด้วยกัน ปล่อยไว้ในน้ำอุ่น 1 ชั่วโมง ทิ้งไว้ให้เย็น ใส่ในขวดอบไอน้ำ ปิดฝา ใช้สำหรับทาหัวสิวได้
          -  ไข่ขาวดิบ 1 ฟอง ผสมกับแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 2 หยด ตีให้เข้ากัน ใช้แตะหัวสิว ทิ้งไว้ 20 นาที เมื่อแห้งแล้วล้างออก
          -  

ทำเครื่องประทินโฉมใช้เอง

          -  สำหรับผู้ที่ชอบดื่มเหล้า ควรรับประทานวิตามินบี 1 และวิตามินซี ให้มาก วิตามินบี 1 จะช่วยให้การทำงานของตับดีขึ้น และวิตามินซีจะช่วยลดอาการเมาค้าง เวลาดื่มเหล้า ควรรับประทานกับแกล้มจำพวกไข่แดงและถั่วต่าง ๆ เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินทั้งสองชนิด เพื่อจะได้ไม่ต้องหาวิตามินเสริม
          -  ดื่มนมสดรองท้อง ก่อนที่จะไปงานสังคม เมื่อดื่มวิสกี้ จะไม่เมามาก หรือเมื่อตื่นเช้ายังรู้สึกเมาค้างให้ดื่มนมสดสักแก้ว จะช่วยให้อาการเมาค้างหายไปได้
          -  วิตามินบี 6 มีมากในเนื้อวัว เนื้อเป็ด ไก่ ปลา หอย ตับ รำข้าว ผักกาดขาว แคนตาลูป น้ำนม      วิตามินบี 6 นี้จะช่วยป้องกันความผิดปกติของผิวหนังและประสาททุกชนิด

เกร็ดความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับสุขภาพ

          -  ก้างติดคอ ให้กลืนข้าวสุก หรือขนมปังนิ่ม ๆ ถ้ายังไม่หลุดให้กลืนน้ำส้มสายชูอย่างเจือจาง จะช่วยให้ก้างอ่อน ถ้ายังไม่ออก ควรไปพบแพทย์
          -  ใช้น้ำกระเทียมทาตรงที่มีรอยดำ จะทำให้จุดดำบนผิวหนังหายไปได้
          -  ใช้สำลีชุบน้ำส้มสายชูทารักแร้ หลังจากอาบน้ำแล้วจะช่วยระงับกลิ่นตัวได้
          -  ไปอาบน้ำทะเล อย่าลืมนำน้ำส้มสายชูไปด้วย ถ้าถูกแมงกะพรุนไฟ ให้ราดด้วยน้ำส้มสายชู จะบรรเทาความแสบร้อน
          -  ปวดประจำเดือน ให้ดื่มเครื่องดื่มที่ร้อน ๆ แล้วแช่เท้าในอ่างน้ำร้อนที่ร้อนพอทนได้ จะช่วยให้หายปวดได้
          -  หนามตำมือหรือโดนเสี้ยน ให้ใช้ข้าวบดเละ ๆ พอกหรือใช้เผือกต้มสุกบดละเอียดพอก หนามหรือเสี้ยนจะหลุดออกมาเอง
          -  ผู้ที่รับประทานสีสังเคราะห์เข้าไปมาก จะทำให้เป็นอัมพาต อ่อนเพลีย ท้องเดิน ถ้าหลีกเลี่ยงเสียได้ เป้นการดี ควรนำสีจากธรรมชาติที่ได้จากพืชผักผลไม้มาทำอาหาร เช่นสีเหลืองจากขมิ้น สีแดงจากกระเจี๊ยบ สีดำจากถั่วดำ สีน้ำตาลจากน้ำตาลไหม้ เป็นต้น
          -  เมื่อหาน้ำเดือดและยาฆ่าเชื้อไม่ได้ น้ำจากกระบองเพชรล้างแผล สามารถหยุดเลือดจากแผลได้ ใช้มีดสะอาดตัดกระบองเพชรเป้นแผ่นกลม วางกดลงบนปากแผล แล้วใช้ผ้ามัดเอาไว้ ทอ้งไว้สามชั่วโมง ล้างแผลด้วยน้ำต้มสุกกับสบู่ เป็นทางหนึ่งที่จะช่วยรักษาบาดแผลเมื่ออยู่ไกลหมอ
          -  ก่อนมีประจำเดือน ผู้หญิงจะรู้สึกหงุดหงิด น้ำหนักเพิ่ม ทำให้ร่างกายเปลี่ยนแปลง รู้สึกเหมือนกับอ้วนขึ้น แต่นั่นเป็นเรื่องธรรมดา บรรเทาได้ด้วยการรับประทาน วิตามินบี และวิตามินรวม วิตามินบี อาจทำให้ปัสสาวะบ่อยเพราะเข้าไปไล่น้ำออกจากไต แต่มีประโยชน์สำหรับผู้หญิงทุกวัย

เรื่องต่อไป.......ผัก - ผลไม้ รักษาโรค

จากหนังสือเรื่อง "สิ่งที่แม่บ้านควรทราบ" โดย "ดุจลดา" สำนักพิมพ์ปาปิรัส