ไมโครเวฟคืออะไร และทำงานได้อย่างไร

ไมโครเวฟเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่สูงมากถึง 2,450 ล้านรอบต่อวินาที มีลักษณะคล้ายกับคลื่นวิทยุ แต่มีความถี่ที่สั้นกว่า หัวใจสำคัญของเตาไมโครเวฟ คือตัวแม็กนิตรอน ที่จะเป็นตัวเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นคลื่นไมโครเวฟซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ เพราะคลื่นไมโครเวฟเป็นคลื่น มิใช่รังสี จึงไม่กระจายและสะสมในร่างกายมนุษย์

ระบบการทำงานของเตาไมโครเวฟ คลื่นไมโครเวฟจะพุ่งเข้าสู่อาหารจากทุกทิศทุกทางโดยรอบของผนังเคาด้านใน แล้วแผ่กระจายไปสู่อาหาร เมื่อคลื่นไปกระทบอาหาร ทำให้โมเลกุลของอาหารเกิดการเสียดสีกัน ก่อให้เกิดเป็นพลังงานความร้อน ทำให้อาหารสุกอย่างรวดเร็ว ก็เช่นเดียวกับการที่เราใช้มือถูกันไปมาเร็ว ๆ จะรู้สึกร้อนขึ้นทันที

จากคุณสมบัติเด่นของคลื่นไมโครเวฟที่ทำให้อาหารสุกอย่างรวดเร็ว จึงเป็นการรักษาคุณค่าของอาหารไว้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นการหุง ต้ม อบ นึ่ง ปิ้ง ย่าง ทอด และคุณสมบัติพิเศษที่ได้รับมากกว่าการประกอบอาหารด้วยวิธีดั้งเดิมหลายประการ อาทิ ความสะดวกรวดเร็ว ประหยัด ปลอดภัย และไร้เขม่าควันไฟ


คลื่นไมโครเวฟ
มีลักษณะเด่น 3 ประการ

การส่งผ่าน (TRANSMISSION) คลื่นไมโครเวฟ สามารถทะลุผ่านภาชนะที่ทำด้วยแก้ว กระดาษ ไม้ และพลาสติคได้ เพราะภาชนะดังกล่าวไม่มีส่วนผสมของโลหะจึงเป็นภาชนะที่ใช้ได้ดีในเตาไมโครเวฟ

สะท้อนกลับ (REFECTION) คลื่นไมโครเวฟเมื่อไปกระทบกับภาชนะที่เป็นโลหะ หรือมีส่วนผสมของโลหะ คลื่นไมโครเวฟไม่สามารถทะลุผ่านภาชนะดังกล่าวได้ จะสะท้อนกลับหมด ดังนั้นอาหารที่ใส่ในภาชนะดังกล่าวก็จะไม่สุก

การดูดซึม (ABSORBTION) ปกติอาหารโดยทั่ว ๆ ไป จะประกอบด้วยน้ำ โมเลกุลของน้ำในอาหาร จะดูดซึมคลื่นไมโครเวฟ ทำให้อาหารร้อนอย่างรวดเร็ว และอีกนัยหนึ่ง เมื่อโมเลกุลของน้ำดูดซึมคลื่นไมโครเวฟแล้วจะสลายตัวในทันที ไม่สะสมในอาหาร
การเลือกใช้ระดับความร้อนในการประกอบอาหารด้วยเตาไมโครเวฟ

เตาไมโครเวฟ ได้วิวัฒนาการให้ความสะดวกสบายในการเลือกใช้ระดับของกำลังคลื่นไมโครเวฟในการประกอบอาหารแต่ละประเภทอย่างเหมาะสม เริ่มตั้งแต่การทำละลายอาหารที่แช่แข็ง อุ่นอาหาร ต้ม ตุ๋น อบ ย่าง ทอด และอีกมากมาย
ระดับความร้อนโดยทั่ว ๆ ไปของเตาไมโครเวฟ จะแบ่งได้ 5 ระดับ คือ HIGH / MEDIUM HIGH / MEDIUM / MEDIUM LOW / LOW หรือเทียบตามตารางด้านล่างนี้

ระดับความร้อน กำลังคลื่นไมโครเวฟโดยประมาณ
HIGH 100 %
MEDIUM HIGH 70 %
MEDIUM 50 %
MEDIUM LOW 30 %
LOW 20 %

HIGH (Full Power)
หมายถึง กำลังแรงสุด ถ้าใช้ระบบนี้ในการปรุงอาหารก็จะช่วยให้อาหารสุกอย่างรวดเร็ว โดยทั่ว ๆ ไปใช้ในการปรุงอาหารประเภท
- ปลา
- ผักต่าง ๆ
- เครื่องดื่มร้อน
- เนื้อ (ประเภทที่ไม่เหนียว)
- เบคอน
- อุ่นอาหารให้ร้อน
- ละลายเนย

MEDIUM HIGH (Roast)
ระบบนี้ เหมาะสำหรับการใช้อบอาหาร ปิ้งอาหาร และอาหารที่สุกแล้ว โดยทั่ว ๆ ไปจะใช้กับอาหารประเภทต่อไปนี้
- อุ่นอาหารที่ต้องการให้ร้อน
- อุ่นขนมปัง เช่น โดนัท ขนมปังกรอบ
- ย่างไก่ หรือหมู
- ปรุงอาหารที่มีส่วนผสมของเนยแข็ง / ครีม

MEDIUM (Simmer)
ระบบนี้ เหมาะสำหรับการปรุงอาหารประเภท
- ทำซุป และสตูว์
- สเต็ก
- ข้าว
- อบหมูสับ
- อาหารที่แช่แข็ง
- ทำแฮมเบอร์เกอร์
- ละลายเนยแข็ง
- ต้มไข่

MEDIUM LOW (Defrost)
ระบบนี้ สำหรับใช้ละลายอาหารที่แช่แข็ง เคี่ยวหรืออุ่นอาหารบางประเภทเท่านั้น ประโยชน์ที่ได้รับจากการใช้ระบบนี้ คือในบางครั้งเมื่อเราต้องการที่จะปรุงอาหารนั้น อาหารสดส่วนใหญ่มักจะต้องเก็บรักษาไว้ในห้องเย็น ซึ่งเมื่อเราต้องการนำออกมาใช้ ต้องเสียเวลาในการรอคอยให้น้ำแข็งละลาย หรือคลายความเย็น แต่ระบบนี้จะช่วยประหยัดเวลาในการละลายอาหารแช่แข็ง โดยอาหารยังคงสภาพสดไว้เช่นเดิม และอาหารส่วนที่เหลือก็ยังคงเก็บรักษาไว้ในห้องเย็นได้อีกโดยที่ไม่เสียคุณค่าทางอาหารไป

LOW (Worm)
ระบบนี้ใช้สำหรับการอุ่นอาหารที่ไม่ต้องการให้อาหารร้อนจัดจนเกินไป


การควบคุมการประกอบอาหารด้วยระดับความร้อนนั้นง่ายมาก เพียงตั้งเวลาและเลือกกำลังของคลื่นไมโครเวฟที่ต้องการ การเลือกกำลังของคลื่นหรือระดับความร้อนและเวลานั้นขึ้นอยู่กับประเภทของอาหาร และปริมาณของอาหาร ซึ่งจะทำให้เวลาในการประกอบอาหารนั้นสั้นกว่าการประกอบอาหารโดยทั่ว ๆ ไป