ขนมทองพลุ
"ขนมทองพลุ" ขนมไทยโบราณที่นิยมใช้ในงานมงคลต่างๆ เพราะเป็นขนมที่มีชื่อเป็นมงคล จัดอยู่ในทำเนียบขนมที่มีชื่อเป็นทองเช่นเดียวกับขนมทองเอก ฝอยทอง ทอดหยอด คำว่า "ทอง" หมายถึงของที่มีค่า คำว่า "พลุ" หมายถึงความเจริญรุ่งเรืองฝรั่งเศสเป็นต้นตำรับดั้งเดิมของขนมทองพลุ แต่เดิมก็คือขนมเอแคลร์ที่ใช้วิธีการอบนั่นเอง แต่เพราะความชาญฉลาดของคนไทยโบราณจึงได้ดัดแปลงนำมาทอดเป็นวิธีที่ง่าย รวดเร็วกว่าการอบ ลักษณะที่ดีของขนมทองพลุ ทอดจนเป็นสีเหลืองทอง ด้านในเป็นโพรง จึงได้ชื่อว่า "ขนมทองพลุ" ต้องมีผิวเรียบ ลักษณะเป็นก้อนคล้ายหยดน้ำ
เคล็ดลับของการทำขนมทองพลุให้ได้ลักษณะที่ดี เริ่มทำแป้งโดยร่อนแป้งก่อน การกวนแป้งก็ต้องให้น้ำกับเนยเดือดดี จึงใส่แป้งลงไปกวน กวนเร็วๆ อย่าให้แป้งจับตัวเป็นเม็ด การใส่ไข่ต้องค่อยๆ ใส่ไข่ทีละฟอง (ถ้าแป้งยังร้อนอยู่ไข่จะสุกขนมจะไม่พองเป็นโพรงด้านใน) เพราะการพองของขนม ไข่มีส่วนช่วยให้พอง ในเรื่องการทอดก็เป็นสิ่งสำคัญ น้ำมันที่ใช้ทอดควรเป็นน้ำมันปาล์ม ขนมจะไม่อมน้ำมัน การทอดต้องใจเย็น ค่อยๆ ตักหยอด และทอดจนเป็นสีเหลืองทอง
ขนมทองพลุนี้มีวิธีรับประทานด้วยกันหลายแบบ ส่วนมากนิยมรับประทานกับน้ำเชื่อม หรือน้ำผึ้ง บ้างก็คลุกกับน้ำตาลทรายป่น เนื่องจากขนมทองพลุเป็นโพรงด้านใน จึงสามารถใส่ไส้ได้ ถ้าเป็นไส้หมูหรือไส้ไก่ก็เป็นทองพลุคาว
ส่วนผสม
![]()
แป้งสาลีร่อนแล้ว 1 ถ้วย ไข่ไก่ 3 ฟอง น้ำลอยดอกมะลิ 1 ถ้วย เนยหรือมาการีน 2 ช้อนโต๊ะ เกลือป่น 1/4 ช้อนชา น้ำมันพืชสำหรับทอด น้ำผึ้งหรือน้ำเชื่อมชนิดข้น วิธีทำ
1. ใส่น้ำลอยดอกมะลิลงในกระทะทอง ตั้งไฟพอเดือด ใส่เนย
2. ร่อนแป้งสาลีกับเกลือเข้าด้วยกัน แล้วเทแป้งลงในน้ำเดือดๆ ในข้อ 1 คนเร็วๆ อย่าให้แป้งเป็นเม็ด ปิดไฟ ยกลง
3. ต่อยไข่ใส่ในส่วนผสม้อ 2 ขณะแป้งยังอุ่นๆ อยู่ โดยใส่ทีละฟองจนหมด คนให้เข้ากัน
4. ใส่น้ำมันลงในกระทะ ตั้งไฟกลาง ใช้ช้อนตักขนมแล้วใช้นิ้วปาดลงในน้ำมันร้อนๆ จนเต็มกระทะ ทอดจนขนมพอง สุกเป็นสีเหลืองทอง ตักขึ้นวางบนกระดาษซับน้ำมัน
5. จัดใส่จาน เสิร์ฟกับน้ำเชื่อมหรือน้ำผึ้ง